atmos ที่นำเอาหยิบแรงบันดาลใจจากศิลปินเร้กเก้ผู้ยิ่งใหญ่อย่าง “Bob Marley” มาถ่ายทอดเป็นเสื้อยืดคอลเลคชั่นพิเศษเพื่อร่วมเฉลิมฉลองการเปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง "Bob Marley: One Love" ในประเทศญี่ปุ่น
Bob Marley (บ็อบ มาร์เลย์) คือศิลปินนักดนตรีชาวจาไมก้าผู้บุกเบิกดนตรีแนวเร้กเก้ และเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมืองคนสำคัญ เขาเริ่มสร้างสรรค์ผลงานดนตรีตั้งแต่ต้นยุค 60s ในนามวง “The Wailers” ซึ่งถือเป็นวงเร้กเก้วงแรกๆ ที่ก้าวสู่ระดับสากล และกลายเป็นศิลปินที่มีอิทธิพลต่อป๊อปคัลเจอร์มากที่สุดในยุค 70s เพลงฮิตอย่าง "I Shot the Sheriff" ที่ถูกนำไปคัพเวอร์โดยศิลปินดังอย่าง Eric Clapton จนโด่งดัง และทำให้ชื่อของ Bob Marley ฟรอนท์แมนของวงกลายเป็นศิลปินที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดในยุค 70s ซึ่ง Bob Marley และ The Wailers มีผลงานมากถึง 13 อัลบั้ม และมีเพลงฮิตชนิดนับไม่ถ้วน
ในต้นยุค 70s จาไมก้ากำลังจะลุกเป็นไฟจากความขัดแย้งระหว่างพรรครัฐบาล และพรรคฝ่ายค้าน มันนำไปสู่ความรุนแรงมากมาย การจลาจล และปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ นั่นทำให้เพลงของ Bob Marley เข้าไปอยู่ตรงกลางระหว่างความขัดแย้งนี้ คอนเสิร์ตของเขาจึงเป็นเหมือนเวทีชุมนุมของประชาชนที่เรียกร้องผ่านเสียงเพลง จนในที่สุด Bob Marley ได้ถูกลอบยิงก่อนคอนเสิร์ตใหญ่ “Smile Jamaican” ในปี 1976 แต่เขาก็รอดมาได้และยืนยันที่จะเล่นคอนเสิร์ตนี้ ซึ่งหลังจากลงเวทีวันต่อมา Bob Marley ก็โดนรัฐบาลสั่งเนรเทศออกจากประเทศจาไมก้าทันทีเป็นเวลา 14 เดือน ความไม่ยุติธรรมนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งในเนื้อหาของอัลบั้มใหม่ “Exodus” ในปี 1977 และต่อมาเมื่อ Bob Marley กลับมาที่จาไมก้า เขาต้องการที่จะยุติความรุนแรงที่ยืดเยื้อมาอย่างยาวนาน เขาจัดคอนเสิร์ตใหญ่อีกครั้งชื่อว่า “One Love' Peace Music” และหนึ่งในโมเมนต์สำคัญก็เกิดขึ้นบนเวทีเมื่อ Bob Marley เชิญผู้นำทั้งสองพรรคคู่ขัดแย้งขึ้นมาบนเวที เขาใช้บทเพลง “Jammin” เป็นสื่อกลางพร้อมจับมือผู้นำทั้งสองแล้วชูขึ้นฟ้ามาจับมือกันเพื่อเรียกร้องสันติแก่จาไมก้า แม้เหตุการณ์นี้จะไม่ได้ทำให้ความขัดแย้งยุติลงทันทีแต่หลังจากนั้นเสียงปืนที่เคยดังก็เริ่มเบาลง ตำรวจ-ทหารเริ่มกลับไปทำหน้าที ประเทศเริ่มกลับไปสู่ความสงบ Bob Marley ได้รับการยกย่องให้เป็นวีรบุรุษของชาติผู้เยียวยาจาเมกาจากสงครามกลางเมือง และดนตรีของเขาก็กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งสันติ
ปัจจุบันแม้โลกจะเดินทางจากยุคแผ่นเสียงสู่ยุคดิจิตอลแล้วแต่ดนตรีของ Bob Marley ยังคงเป็นเพลงที่คนรุ่นใหม่ เช่นเดียวกับภาพลักษณ์ความเป็นไอคอนของ Bob Marley ก็ยังคงถูกถ่ายทอดผ่านสไตล์การแต่งตัว และแฟชั่นในหลากหลายยุคสมัย เสื้อยืด Bob Marley ในอดีตติดอันดับเสื้อยืดวินเทจที่ได้รับความนิยมตลอดกาล ไม่ว่าจะด้วยภาพถ่ายของ Bob Marley ที่ถือเป็นตัวแทนเสรีภาพของยุคสมัย สีเขียว/เหลือง/แดงอันเป็นสัญลักษณ์แห่งชาว Rastafari และหน้าปกอัลบั้มซึ่งเป็นอีกหนึ่งงานที่ Bob Marley เป็นคนตัดสินใจในทุกขั้นตอนการออกแบบ
สำหรับคอลเลคชั่นนี้ atmos ได้ร่วมงานกับ Zion Rootswear แบรนด์ผู้ได้รับลิขสิทธิ์ผลิตเสื้อผ้าของ Bob Marley อย่างเป็นทางการ โดยหยิบเอาเพลงฮิต และลวดลายกราฟิกอันคลาสสิคของ Bob Marley มาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ ตัวเสื้อจะผลิตด้วยผ้าคอตตอนเจอร์ซีย์ที่ให้ได้สีขาว Off-White และสีดำ Charcoal ในสไตล์เสื้อยืดวินเทจรุ่นเก่า ทำออกมาใน 3 แบบ ได้แก่ “Baby We've ot a date” เป็นเสื้อยืดที่ได้แรงบันดาลใจจากเพลง “We've Got a Date (Rock It Baby) ” จากอัลบั้ม “Catch a Fire” ในปี 1973 ออกแบบด้วยภาพ Bob Marley ตอนแสดงสด พิมพ์ออกมาเป็นสีทูโทนดำ/ขาวแบบเสื้อวงยุคเก่า มาพร้อมตัวอักษรสไตล์ 70s เขียนว่า “rock it atmos” ทำออกมาใน 2 สีได้แก่สีขาว และสีดำ
ลายที่ 2 ชื่อว่า "Punky Reggae Party" เพลงฮิตของ Bob Marley ในปี 1977 ออกแบบด้วยภาพ Bob Marley เตะฟุตบอลอันเป็นไอคอนิค ตกแต่งด้วยสัญลักษณ์สิงโต และสี Rasta ทำออกมาในเสื้อยืดสีดำ และสีขาว
ส่วนลายที่ 3 ได้แก่ "ONE LOVE” เพลงดังจากอัลบั้ม "The Wailing Wailers” ในปี 1965 ซึ่งเป็นเพลงที่ทำให้ Bob Marley เป็นที่โด่งดัง และใช้เป็นชื่อของภาพยนตร์ชีวประวัติเรื่องนี้ด้วย เสื้อยืดนำเอาภาพของ Bob Marley จากหลากหลายยุคมาออกแบบในสไตล์กราฟิกแบบเสื้อวงยุค 90s ทำออกมาในเสื้อยืดสีดำ โดยเสื้อยืด BOB MARLEY x atmos ทุกแบบจะผลิตออกมาในจำนวนจำกัด เป็นเจ้าของได้แล้วที่ atmos Bangkok